รถยนต์หนึ่งคันนั้นมีองค์ประกอบ มากมายหลากหลายส่วน หนึ่งในองค์ประกอบที่มีความสำคัญ ที่หลายต่อหลายคน หากอยากจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ระบบกลไกองค์ประกอบ หรือการทำงานของรถยนต์ ให้ดีและเหมาะสมแน่นอนว่า จะต้องทำความเข้าใจอย่าง ละเอียดและถี่ถ้วนจึงจะทำให้เรา สามารถที่จะเข้าใจถึงระบบรถยนต์ แต่ละชนิด แต่ละประเภท แต่ละยี่ห้อ ได้อย่างดีมากที่สุด หนึ่งในส่วนประกอบหนึ่ง ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีในรถยนต์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง หรือรถกระบะก็จะต้องมีระบบสปริงรถยนต์ ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
หากเราทำความเข้าใจ ในเรื่องของระบบสปริงรถยนต์ ให้ดีและเหมาะสมก็จะทำให้เรา สามารถเลือกใช้รถ ที่มีระบบช่วงล่างที่ดีและเหมาะสม ได้อย่างแน่นอนถือได้ว่า สปริงรถยนต์เป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นหัวใจหลัก ในระบบช่วงล่างของรถยนต์ก็ว่าได้ ซึ่งหากจำแนกระบบสปริงรถยนต์นั้น สามารถที่จะจำแนกได้ทั้งหมด 3 ประเภทใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบคอยล์สปริง ระบบทอร์ชั่นบาร์ ระบบแหนบแผ่น มีด้วยกันทั้งหมด 3 ประเภท
ดังนั้นหากเราทำความเข้าใจสปริง ทั้ง 3 ประเภท ได้อย่างดีและเหมาะสม และสามารถที่จะทำความเข้าใจได้ว่า สปริงมีหน้าที่ทำอะไรบ้างแล้วละก็ ก็จะทำให้เราสามารถเข้าใจ ในระบบของรถยนต์ได้อย่างดี และเหมาะสมนั่นเอง โดยสปริงจะมีหน้าที่ในการ รองรับน้ำหนักของรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถใดๆ รองรับการบรรทุกตามน้ำหนักต่างๆ แถมยังทำหน้าที่ในการรองรับ การสั่นสะเทือนของรถ ได้เป็นอย่างดี หากรถยนต์หรือรถคันใดก็ตาม ที่มีการขับขี่ที่ดี นุ่มนวล ไม่กระโดด มีความปลอดภัย
แน่นอนว่าสปริง จะทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งสปริงมักที่จะทำงาน ร่วมกันกับโชคนั่นเอง เพื่อจะช่วยในการดูดซับ การกระแทกการสั่นสะเทือน ในรถยนต์แต่ละประเภทอีกต่างหาก อีกทั้งสปริงยังสามารถกำหนด ระดับชั้นความสูงของรถยนต์ แต่ละรุ่นอีกต่างหาก ด้วยสปริงจะทำมาจากเหล็กหล่อเหนียว ซึ่งมีความยืดหยุ่น ที่ค่อนข้างที่จะสูงมาก และนำมาผ่านกรรมวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดัดเป็นวง หรือการขดเป็นวงรีดเป็นแผ่น หรือขึ้นรูปแม่แบบในลักษณะแท่ง ก็มีการออกแบบที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งการออกแบบในกรรมวิธีต่างๆ ก็เพื่อให้เกิดความเหมาะสม กับรถยนต์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ ให้มีสมรรถนะ ที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่สำคัญกับสปริงแต่ละอย่าง ก็คือเรื่องของค่า K ซึ่งค่า K ของสปริง ของรถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อนั้น ต่างมีค่า K ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการกำหนดค่า K ของสปริง แต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ ก็จะแตกต่างกันออกไป เหมาะสมกับการทรงตัว และขนาดเครื่องยนต์ ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นสามารถทำความเข้าใจ ได้ง่ายๆว่า ค่า K ก็คือความแข็งความอ่อนคงที่ ของสปริงตามหลักฟิสิกส์ ที่เรียกว่ากฎของฮุคนั่นเอง โดยใช้หน่วยเป็นกิโลกรัมต่อมิลลิเมตร หรือนิวตันต่อมิลลิเมตรนั่นเอง ซึ่งค่า K ก็จะมีผลกับความนุ่มนวล ของช่วงล่างโดยเฉพาะ
ดังนั้นการปรับแต่งค่า K จริง ต้องปรับแต่งให้เหมาะสม กับการใช้งานยิ่งเราสามารถที่จะ เลือกระบบสปริงรถยนต์ที่ดีและเหมาะสม มีโชคอัพที่ดีแล้วละก็ ก็จะทำให้รถยนต์ของเรา ขับขี่และมีความนิ่มนวลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง ดังนั้นแกเลือกซื้อรถยนต์ แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น หากเราอยากที่จะได้รถยนต์ที่ดี มีประสิทธิภาพ มีช่วงล่างที่ดีมีการขับขี่ ที่นิ่มนวลแล้วละก็จะต้อง ให้ความสำคัญในเรื่องของ ระบบสปริงให้ดีเสียก่อน ก็จะทำให้รถยนต์ของเราขับขี่สบาย
