วิธีเลือกซื้อรถกอล์ฟที่เหมาะกับการใช้งาน

เลือกซื้อรถกอล์ฟ

การเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองนั้น ย่อมเป็นอะไรที่เรามักต้องการกัรทุกคนเลยก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นของแบบไหน เราก็ต้องการสิ่งที่ดีแลวิธีเลือกที่เหมาะสมกันทั้งนั้น วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “วิธีเลือกซื้อรถกอล์ฟที่เหมาะกับการใช้งาน” ที่เหมาะสมกันครับ จะต้องดูและทำอย่างไรบ้างนั้น… เราไปลุยกันดีกว่า!!

หลักการเลือกรถกอล์ฟที่ดีต้องดูอะไรบ้าง?

เลือกซื้อรถกอล์ฟตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน นอกจากรถกอล์ฟจะใช้ในสนามกอล์ฟแล้ว รถกอล์ฟยังสามารถนำมาใช้ในหลากหลายธุรกิจ โดยรถกอล์ฟสามารถจำแนกตามการใช้งานได้ 2 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 รถกอล์ฟสำหรับใช้รับ-ส่งผู้โดยสาร
ประเภทที่ 2 รถกอล์ฟสำหรับขนส่งสิ่งของ

เลือกตามขนาดของรถกอล์ฟให้เหมาะกับการใช้งาน เราควรเลือกขนาดของรถกอล์ฟให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานสูงสุด โดยรถกอล์ฟสามารถจำแนกตามขนาดได้ 3 แบบ
– ขนาดเล็ก (2 ที่นั่ง, 2+2 ที่นั่ง) มีความคล่องตัว เหมาะสำหรับใช้ส่วนตัวภายในโครงการหมู่บ้าน ขับตรวจงาน และใช้ในสนามกอล์ฟ
– ขนาดกลาง (4 ที่นั่ง, 4+2 ที่นั่ง) เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีความเอนกประสงค์ นั่งได้หลายคน ในบางรุ่นเบาะเสริมด้านหลังสามารถพับเปิดเป็นพื้นที่ใส่สัมภาระได้ เหมาะสำหรับกิจการอสังหาริมทรัพย์ หน่วยงานต่างๆ
– ขนาดกลาง (6 ที่นั่ง,6+2 ที่นั่ง) สำหรับใช้รับ-ส่งผู้โดยสาร จำนวนมาก เหมาะสำหรับ โรงงาน สถานที่ท่องเที่ยว โรงพยาบาล

เลือกรถกอล์ฟให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่ที่มีความลาดชันสูง (slope) ควรเลือกมอเตอร์ที่มีกำลังไฟฟ้าสูง แบตเตอรี่มีค่าแอมป์สูง (AMP), สภาพพื้นผิวถนนขรุขระ ควรเลือกใช้รถกอล์ฟที่ช่วงล่างมีความนุ่มนวล ช่วงรถกอล์ฟจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1.โช๊คอัพสปริงแยกอิสระ 2.ช่วงล่างแบบแหนบ ช่วงล่างโช๊คอัพสปริงแยกอิสระเป็นช่วงล่างระบบเดียวกับรถยนต์ รองรับแรงกระแทก ลดแรงสั่นสะเทือนของรถได้ดี เหมาะกับสภาพพื้นผิวถนนขรุขระหรือสำหรับผู้ที่ต้องการความนิ่มนวลในการขับขี่หรือจะเป็นสักเกตจากระยะทางในการใช้รถกอล์ฟ ระยะทางไกล ใช้งานหนัก ควรเลือกแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน แบตเตอรี่รถกอล์ฟมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ควรเลือกแบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับรถกอล์ฟ โดยเฉพาะ หากใช้งระยะทางไกล ใช้งานหนัก ควรเลือกแบตเตอรี่ ที่มีค่าแอมป์ (Amp)สูง รถกอล์ฟจะวิ่งได้นานขึ้น (ต่อการชาร์ต 1 ครั้ง)

●พยายามเลือกรถกอล์ฟที่ดีมีคุณภาพ หากเราเลือกรถกอล์ฟที่ดีมีคุณภาพ ก็จะช่วยลดปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง โดยการเลือกรถกอล์ฟควรพิจารณาในหัวย่อย ดังต่อไปนี้

1.ยี่ห้อ เลือกรถกอล์ฟที่มีความน่าเชื่อถือ โรงงานผลิตได้มาตรฐาน เช่นได้รับ ISO9001 ISO14001 มาตรฐานยุโรป CE

2.อะไหล่ รถกอล์ฟแต่ละยี่ห้อจะเลือกใช้อะไหล่ที่แตกต่างกัน อะไหล่หลักที่ควรพิจารณา คือ มอเตอร์ กล่องคอนโทรลที่ชาร์ต และแบตเตอรี่ ในบทความต่อไปผมจะลงในรายละเอียดของส่วนนี้ให้

เลือกตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ การเลือกตัวแทนจำหน่ายก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะตัวแทนจำหน่ายจะต้องดูแล ซ่อมบำรุง รถกอล์ฟ ตลอดอายุการใช้งาน

4 ข้อควรระวังในการใช้รถกอล์ฟ

●การชาร์จแบตเตอรี่ทันทีหลังจากจอดรถ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไว ดังนั้นผู้ ขับรถกอล์ฟ ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ทันทีหลังจอดรถ เพราะตัวแบตเตอรี่หลังใช้งานมันมีความร้อนสูง การชาร์จแบตเตอรี่ทันทีจะทำให้ตัวแบตเตอรี่ที่มีความร้อนอยู่แล้วเสื่อมเร็ว และทำให้รถกอล์ฟของคุณเสียเร็วขึ้นได้อีกด้วย

●การปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 30% ถือเป็นสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ของรถกอล์ฟเสื่อมเร็ว เพราะเมื่อแบตเตอรี่ต่ำกว่า 30% จะใช้เวลาในการชาร์จนานกว่าปกติ ทำให้แบตเตอรี่ร้อนมากขึ้น อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้เร็วขึ้นได้ ดังนั้นผู้ขับรถกอล์ฟต้องให้ความระมัดระวังกับเรื่องนี้ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานรถกอล์ฟได้ในระยะยาว

●การปล่อยให้แบตเตอรี่หมด ทำให้แบตเตอรี่ของรถกอล์ฟไฟฟ้าเสียหรือเสื่อมเร็วขึ้น เพราะว่าต้องใช้เวลานานในการชาร์จ ทำให้แบตเตอรี่ร้อนผิดปกติ และทำให้รถกอล์ฟของคุณเกิดความเสียหาย และพังได้เร็วขึ้น ทำให้คุณต้องเสียเงินเพื่อซื้อแบตเตอรี่ใหม่เร็วขึ้นอีกด้วย

●การปล่อยให้น้ำกลั่นแห้งอาจจะทำให้แบตเตอรี่รถกอล์ฟเสื่อม และทำให้คุณต้องเสียเงินซื้อแบตเตอรี่ใหม่เร็วขึ้น นอกจากนั้นยังทำให้อะไหล่ตัวอื่นๆ ของรถกอล์ฟเกิดความเสียหายไปด้วย ทำให้คุณต้องเสียเงินซ่อมบำรุงจำนวนมาก

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “วิธีเลือกซื้อรถกอล์ฟที่เหมาะกับการใช้งาน” พร้อมกับข้อควรระวังที่เราได้หามาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันนะครับ

You May Also Like

เช็คช่วงล่างรถ

แนวทางการเช็คช่วงล่างของรถยนต์ที่ต้องเรียนรู้

ซื้อขายรถยนต์

ข้อควรระวังหากเซลล์ขายรถ ส่งรถให้เราไม่ตรงที่ต้องการ

รถมือสอง

หลักการเลือกรถมือสอง

รถกอล์ฟ

รถกอล์ฟ มีดีมากกว่าแค่ขับในสนาม